คู่มือการใช้งาน SMC (Smart Money Concept) POI Order Block FVG วันนี้น้าจะอธิบาย 3 องค์ประกอบสำคัญในแนวคิด SMC (Smart Money Concept) ได้แก่ POI, Order Block, FVG แบบละเอียด พร้อมตัวอย่างการใช้งานในการเทรดจริง โดยเฉพาะสำหรับ Timeframe 1H, 15M, 5M ที่คนส่วนใหญ่ใช้งานนะครับ
1. POI (Point of Interest) คืออะไร
POI คือ “จุดที่น่าสนใจ” ซึ่งคาดว่าราคาจะมีปฏิกิริยาเมื่อกลับมาแตะ ใช้เป็น โซนสำหรับรอเทรด (Entry Zone)
ตัวอย่างของ POI ที่นิยมใช้:
Order Block (OB) – บริเวณแท่งเทียนสุดท้ายก่อนราคาพุ่งขึ้น/ลง
FVG (Fair Value Gap) – ช่องว่างที่เกิดจากแรงซื้อ/ขายเร็ว
Liquidity Zone – จุดที่มี Stop Loss ของเทรดเดอร์รายย่อยซ่อนอยู่
Supply/Demand Zone – พื้นฐานโซนดีมานด์/ซัพพลายแบบคลาสสิก
2. Order Block (OB) คืออะไร
Order Block คือ “แท่งเทียนสุดท้ายของฝั่งตรงข้าม” ก่อนที่เกิดการเคลื่อนไหวอย่างแรง เช่น:
ในขาขึ้น → มองหา แท่งแดงสุดท้ายก่อนเกิดแท่งเขียวใหญ่
ในขาลง → มองหา แท่งเขียวสุดท้ายก่อนเกิดแท่งแดงใหญ่
วิธีใช้งาน:
ใช้ Order Block เป็น จุดรอราคาเข้ามา Re-test เพื่อเข้าออเดอร์
ใช้ร่วมกับ Break of Structure (BOS) เพื่อเพิ่มความแม่นยำ
วาง SL ไว้ใต้ OB (ในขาขึ้น) หรือเหนือ OB (ในขาลง)
เทคนิคพิเศษ:
ใช้ OB บน TF ใหญ่ (1H, 15M) เพื่อเป็น POI
ยืนยันด้วย Candlestick + Indicator ใน TF เล็ก (5M, 1M)
3. FVG (Fair Value Gap) คืออะไร
FVG คือ “ช่องว่างของราคาที่เกิดจากความไม่สมดุล” ระหว่างแรงซื้อกับแรงขาย
รูปแบบ:
เกิดเมื่อแท่งเทียน 3 แท่งเรียงกัน โดย:
แท่งที่ 2 มี Body ใหญ่
ไม่เติมเต็ม Wick ของแท่งที่ 1 หรือแท่งที่ 3
ช่องว่างนี้ = โซน FVG
วิธีใช้งาน:
ใช้เป็น POI สำหรับรอการ Refill (ราคามักย้อนกลับมาเติม)
วาง Limit Order ได้ หรือรอแท่งเทียนยืนยันเมื่อราคากลับมา
ตัวอย่างการวางแผนเทรดด้วย OB + FVG
สมมุติ:
TF 1H = Uptrend (มี BOS)
พบ Order Block อยู่บริเวณ 1,800
มี FVG ระหว่างราคา 1,790 - 1,795
แผน:
วาง POI บริเวณ OB (1,800) + FVG (1,790–1,795)
รอราคาลงมาทดสอบ
เข้าเทรดเมื่อมีแท่งเทียน Rejection บน TF 5M หรือ 1M
SL ใต้ OB (1,785) / TP ที่ Liquidity Zone ถัดไป (1,820)
สรุปง่ายๆ แบบใช้จริง
-------------------------
องค์ประกอบ ความหมาย ใช้ยังไง
POI จุดที่คาดว่าราคาจะกลับตัว ใช้เป็น "โซนเฝ้า" เพื่อหา Entry
Order Block แท่งสุดท้ายก่อนเกิด impulsive move ใช้เป็น POI ที่แม่นยำมาก
FVG ช่องว่างที่เกิดจากแรงซื้อ/ขาย ใช้คาดจุดที่ราคาจะมาเติมเต็ม
ไอเดียชุมชน
ลำดับความสำคัญของเครื่องมือในการเทรด (จากมากไปน้อย)ผมจะช่วยวิเคราะห์ว่าแต่ละ Indicator และ SMC (Smart Money Concept) ควรจัดลำดับความสำคัญอย่างไรเมื่อนำมาสร้าง “เงื่อนไขการเทรด” โดยอิงกับ Timeframe 1H / 15M / 5M / 1M
ลำดับความสำคัญของเครื่องมือในการเทรด (จากมากไปน้อย) 🎇
ลำดับ | เครื่องมือ | บทบาทหลัก | ความสำคัญ
1 | SMC (Structure, BOS, POI, Liquidity) | อ่านพฤติกรรมรายใหญ่ + คาดทิศทาง | สูงสุด
2 | Candlestick (แท่งเทียน) | ยืนยัน Entry/Exit + ดู Rejection | สูง
3 | EMA (Exponential Moving Average) | เทรนด์ & Dynamic Support/Resistance | กลาง-สูง
4 | MACD | Momentum + Divergence + Confirmation | กลาง
5 | RSI | วัด Overbought/Oversold + Divergence | กลาง
6 | Stochastic | จังหวะเข้า/ออกระยะสั้น | เสริม
2. โครงสร้าง Timeframe ในการเทรดแบบ Multi-Timeframe
Timeframe บทบาท ใช้อะไร
1H โครงสร้างหลัก (HTF Structure) ใช้ SMC / EMA200 / MACD
15M ยืนยัน Mid-term Entry Zone ใช้ BOS / POI / RSI / MACD
5M หาจุด Entry Candlestick / EMA20/50 / Sto / RSI
1M Precision Entry / Confirmation แท่งเทียน / Sto / RSI
3. ตัวอย่างเงื่อนไขการเทรด (Entry Setup)
เงื่อนไขหลัก:
1H:
โครงสร้างเป็น Uptrend (Higher High, Higher Low)
ราคาย่อตัวเข้าโซน POI (เช่น Order Block / Fair Value Gap)
EMA200 อยู่ใต้ราคา
15M:
มี BOS (Break of Structure) กลับขึ้น
MACD ตัดขึ้น / RSI เริ่มกลับจาก Oversold
5M:
แท่งเทียนแสดง Rejection (Pin Bar / Engulfing)
EMA20 กำลังตัด EMA50 ขึ้น
Stochastic ตัดขึ้นจาก Oversold
1M:
Confirmation ด้วยแท่งเทียนเขียวใหญ่ + Volume
RSI มี Bullish Divergence
Entry: หลังแท่งยืนยันใน 1M ปิด พร้อม Stop Loss ใต้ Low ของโซน POI
TP: ตาม Fibonacci / Liquidity ด้านบน / Resistance Zone
4. เคล็ดลับในการใช้งานร่วมกัน
SMC เป็นตัวตั้ง: ใช้ SMC เพื่อหาทิศทางใหญ่ โซนเข้า (POI) และเป้าหมาย
EMA ช่วยคัดกรอง Trend: เข้าเฉพาะเทรนด์เดียวกับ EMA200 / EMA50
MACD + RSI: ใช้ยืนยัน Momentum และ Divergence
Stochastic: ใช้จับจังหวะเข้า/ออกใน Timeframe เล็ก
Candlestick: ใช้ในการตัดสินใจสุดท้ายก่อนเข้าเทรด
ฝึกอ่านกราฟกำหนดแผนรอกราฟวิ่งเข้ามาตามแผนวิ่งมาในแผนไหนกำหนดเงื่อนไขจุดเข้าซื้อตามแผน
ก็เหมือนเดิมล่ะครับย่อจากทางเฟรมใหญ่ที่เราวิเคราะห์ไปเมื่อสักครู่นี้เสร็จแล้วก็มาหาจุดเข้าที่นี้อย่างที่เห็นนั่นแหละครับตามภาพเลยที่เขียนนั่นแหละครับคือไม่ได้ดูข่าวเลยดูแค่เห็นหน้ากราฟนี่แหละให้ทำอะไรก็ทำอย่างนั้นแหละจะขึ้นต่อไหมไม่รู้จะลงต่อไหมไม่รู้หรือจะอยู่ตรงกลาง side way ไปก่อนไหมไม่รู้จะรู้อย่างเดียวคือรูปแบบมันใช่ไหมของเราเข้า order เก็บจุดได้ไหมถ้าใช่ก็ลุยเลยตามนั้นแหละ indicator มีไหมมีก็เอามาใส่ไม่มีก็ไม่ต้องใช้เรียนมาจากไหนเขาสอนมาแบบไหนก็ฝึกแบบที่เขาสอนถ้าใช่จะทำต่อถ้าไม่ใช่ก็เอาออกไปก็เอารูปแบบที่ใช่ของตัวเองมาใส่มีกรอบแนวความคิดของตัวเองให้แคบลงเพื่อเป็นกระบวนการความคิดที่ตกผลึกออกมาในการทำระบบเทรดของตัวเองแค่นั้นครับ
ฝึกอ่านกราฟย่อจากชุดวิเคราะห์TF ใหญ่ก่อนหน้า
สังเกตอะไรไหมครับว่าวิเคราะห์แต่ละทีมันก็เหมือนเดิมซ้ำๆถ้าใครได้มาเจอหน้านี้ก็ลองไปย้อนกลับดูก็จะเคยเจอผมวิเคราะห์แบบเดิมๆแบบนี้แหละก็คือผมมีรูปแบบของการวิเคราะห์ของตัวเองแบบนี้มาเสมอซึ่งก็เอาไปวิเคราะห์กับทุกๆกราฟบนโลกใบนี้ก็แบบนี้เลยไม่ได้มีอะไรปรับเปลี่ยนก็คือจะบอกเหมือนเดิมไม่มีอะไรกราฟจะเลือกทางให้เราขาดทุนทั้งสองฝั่งไม่ว่าจะทางไหนทางหนึ่งเราเข้าทางใดทางหนึ่งเราก็จะขาดทุนหมดสุดท้ายเขาก็จะบีบตัวให้เราได้ไม้BUYและSELLที่แย่ลงเรื่อยๆBUYที่สูงขึ้นSELLที่ต่ำลงไปเรื่อยๆมันเป็นแบบนี้เป็นวัฏจักรของมันเลยและสุดท้ายมันก็จะกลับไปเลือกทางใหม่เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมจะวิเคราะห์นะตอนนี้ก็คือเราจะต้องหารูปแบบการเทรดว่าหากมันลงมาเราจะเทรดอย่างไรหากมันขึ้นไปเราจะเทรดอย่างไรจะเทรดในรูปแบบของ side way หรือว่าจะเทรดแบบ follow by follow sale หรือจะเทรดแบบ break out และอะไรต่างๆมากมายตามรูปแบบที่ร่ำเรียนมาตามรูปแบบที่ตัวเองใส่ indicator ต่างๆที่เข้าใจและเป็นรูปแบบที่ตัวเองเคยทำสัญญาอันนี้เอาไว้ว่าหากเกิดอะไรขึ้นมาแบบนี้เราจะต้องทำอะไรทุกอย่างต้องมีคำถามและคำตอบให้กับตัวเองเสมอ
ฝึกอ่านกราฟรูปแบบการวิเคราะห์ก็ไม่มีอะไรมากครับแบบเดิมๆที่เคยวิเคราะห์ตามภาพเก่าๆนั่นแหละครับถ้าอยากเห็นอะไรก็ไปลองดูแล้วกันเพราะว่าการวิเคราะห์แต่ละวันมันก็อาจจะมีตกๆหล่นๆบ้างมันก็ต้องไปเก็บได้ละเอียดเอาเองส่วนพิธีการจะเช่าซื้อต่างๆนั้นมันก็จะต้องมีองค์ประกอบอื่นๆด้วยซึ่งมันขึ้นอยู่กับตัวเราเองขึ้นอยู่กับการจับหลักของเรารูปแบบของเราขึ้นอยู่กับตัวเราว่าเราไปร่ำเรียนมาจากไหนมาใช้ indicator อะไรทุกสิ่งทุกอย่างสัมพันธ์กันหมดแต่เราไม่ใช่ว่าจะต้องเอามาทั้งหมดเราจะต้องเอาในสิ่งที่มันสอดคล้องกับแนวคิดของเราที่ว่ามันจะทำให้เราไปต่อยอดในความคิดอื่นๆต่อได้ว่าเราจะสามารถไปพัฒนาระบบของเราได้ดีแค่ไหนเท่านั้นฉะนั้นการเรียนรู้มากมายเป็นเรื่องที่ดีครับแต่เราจะต้องมีสติสมาธิและก็ปรับลดบางอย่างลงเพื่อที่จะไม่ให้มันมากจนเกินไปเพราะบางทีมากเกินก็ขัดแย้งกันเอง
How To Setting EA วิธีติดตั้ง EA Robot Forex บน MT4, MT5How To Setting EA
วิธีติดตั้ง EA Robot Forex บน MT4, MT5
👰 กลับจากบทความที่แล้ว แอดพาทุกคนไปรู้จัก กับ EA robot กันแล้ว มารอบนี้เราไปดูกันต่อฮะกับวิธีการติดตั้ง EA robot แบบง่ายๆที่ไม่ยุ่งยาก มาครับ ตามไปอ่านพร้อมๆกันเลยกับบทความนี้มีคำตอบ
วิธีติดตั้ง EA Robot Forex บน MT4
ขั้นตอนที่ 1 ดาวน์โหลดไฟล์ EA ที่ต้องการจะติดตั้ง หาโหลดฟรีได้ทั่วไปเลยครับ
ขั้นตอนที่ 2 Extract ไฟล์ EA และ Copy ข้อมูล
👉คลิกขวาที่ไฟล์ EA
👉เลือก Extract to
👉คลิกขวาที่ไฟล์ (.ex4 หรือ .mq4) เพื่อ Copy
ขั้นตอนที่ 3 เปิดโปรแกรม MT4 และเริ่มติดตั้ง
👉ไปที่ File
👉เลือก Open Data Folder
👉กดเข้าไปที่ โฟลเดอร์ MQL4
👉คลิกเข้าไปที่ Experts
👉นำ EA ที่เรา Copy ในขั้นตอนที่ 2 มาวางในโฟลเดอร์ Expert
ขั้นตอนที่ 4 รีเฟรชโปรแกรม MT4 อีกครั้ง
👉คลิกขวาที่ Expert Advisors บนแถบด้านซ้ายหน้า MT4
👉เลือก Refresh
วิธีติดตั้ง EA Forex บน MT5 มีขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ดาวน์โหลดไฟล์ EA ที่ต้องการ โดยอยู่ในรูปแบบ EX5 หรือ MQ5
ขั้นตอนที่ 2 เปิดโปรแกรม MT5 และติดตั้ง
👉ไปที่ File บนแถบเมนูด้านบน
👉คลิกที่ Open Data Folder
👉คลิกที่ MQL5 จากนั้นคลิกที่ Experts
👉คัดลอกและวางไฟล์ EA ลงในโฟลเดอร์
ขั้นตอนที่ 3 กลับไปที่แพลตฟอร์ม MT5
ขั้นตอนที่ 4 รีเฟรชโปรแกรม MT5 อีกครั้ง
👉คลิกขวาที่ Expert Advisors บนแถบด้านซ้ายหน้า MT5
👉เลือก Refresh จากนั้น EA ที่ติดตั้งจะปรากฏขึ้นในรายการ
👉👉👉 เป็นอย่างไรกันบ้างฮะ ง่ายใช่มั้ยหล่ะ แต่สิ่งสำคัญที่เราควรต้องคำนึงเป็นอันดับแรกๆก็คือการเลือก EA ที่ดีสักตัว เพราะมันจะช่วยเพิ่มโอกาสการทำกำไรและลดความเสี่ยงได้อีกนะดับ แอดแถมให้อีกนิดนะฮะ
1. เลือก EA ที่มีการแสดง Back Test ให้เราติดตาม และควรเลือกระยะเวลาย้อนหลังอย่างน้อย 1 ปี เพื่อให้เห็นโอกาสการทำกำไรของการใช้ EA ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
2. ทดสอบ A/B Test เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพก่อน เพื่อเป็นการเปรียบเทียบว่า EA ตัวไหนสามารถทำกำไรได้จริง และดีกว่ากัน
3. อ่านรีวิว EA Forex จากผู้ใช้งานจริง จะทำให้เราตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น และบางทีอาจจะถูกกับจริตของเราด้วย
4. ทดสอบ EA Forex ในตลาดจริงก่อนเริ่มใช้งาน ด้วยการลองใช้ในบัญชี Demo เพื่อความสมจริงฮะ แม้จะไม่เหมือนพอร์ตจริงแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่หนีกันมากนัก
5. เลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตและมีความน่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันความเสี่ยง
👉👉👉แม้ว่า EA Robot จะเป็นที่นิยม เพื่อใช้ในการเทรดที่ต้องการลดการทำงานของมนุษย์ หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดในตลาดที่มีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากการตั้งค่าหรือกลยุทธ์ที่ไม่เหมาะสมด้วยเช่นกัน อย่าลืมเผื่อใจและใช้เวลาในการเลือกสักหน่อยนะครับ
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ EA Robot สมัยนี้มันต้องเพิ่งเทคโนโลยีด้วยกันแล้วจริงๆนะ แต่ทั้งนี้ทั้นนั้น EA Robot ก็มีทั้งด้านดี และด้านเสีย เราจะเอาใจไปลงที่ EA robot แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้นะครับ มันเสี่ยงเกินไป และที่สำคัญ เมื่อได้มันมาแล้ว แอดแนะนำให้ลอง back test ย้อนดูไปนานๆก่อนฮะ และทดลองใช้กับพอร์ตเดโม่3-6 เดือนด้วยยิ่งดี เราจะได้ไม่ขาดทุนครับ
ฝึกอ่านกราฟใน time frame ที่ย่อลงมาก็คือย่อมาจาก h4 แล้วก็มาดูข้างในมันซึ่งในh 1 มันก็มีการวิ่งอะไรหลายรูปแบบแต่สำคัญคือเราจะเอาเงินออกมาได้ยังไงในกรอบนี้ที่วิ่งอยู่ประมาณ 1,600 จุดกลมๆโดยวิธีการใดก็ได้เราก็ต้องคิดมา 1,600 จุดอาจจะหาร 4 ก็ได้หาร 3 ก็ได้หาร 2 ก็ได้ก็แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคนว่าจุดเข้าของทุกคนแม่นแค่ไหนได้ระยะไปใช่ไหมอะไรต่างๆมันขึ้นอยู่กับความสามารถแล้วก็การฝึกฝน indicator การศึกษาร่ำเรียนมาจากอาจารย์อะไรก็ได้เอามาเถอะเอามาใส่เขามาเอามาเรียนรู้เอามาหาเหตุและผลเอามาฝึกเทคนิคทักษะรูปแบบเงื่อนไขคำถามคำตอบของตัวเองออกมาให้ได้แค่นั้นแหละครับที่จะบอกจับภาพลองหาดูครับ
ฝึกอ่านกราฟมาดูแท่ง h4 กันหน่อยวันนี้ 2 แท่งละกำลังเข้าแท่งที่ 3 แล้วลองดูการวิ่งของระยะกราฟตั้ง 1,350 จุดในทางเปรมที่เล็กๆเนี่ยเราจะหาจุดเข้ากับมันยังไงดีนั่นแหละครับคือภาพที่เขียนภาพนี้ขึ้นมาไม่มีอะไรมากขึ้นนี้กำลังทดลองการสร้างคำถามว่าวิ่งมาขนาดนี้ 3 แท่งแล้วจะเก็บเงินกับมันยังไงจะไปดึงมันเงินจากกราฟออกมายังไงนั่นแหละครับที่เขียนภาพนี้นี้ขึ้นมาไม่มีอะไรแล้วก็ต้องไปสร้างคำตอบออกมาให้ได้การสร้างคำตอบมันจะต้องตอบให้ถูกต้องให้ได้มากที่สุดและกลับมากลั่นกรองในคำตอบนั้นอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่เราเข้าใจมากขึ้นเพราะฉะนั้นในการตอบณขณะนี้ความรู้ความสามารถอาจจะไม่มากเท่ากับอนาคตก็เป็นได้เราต้องกลับมาแก้ในคำตอบของเราก่อนเราถึงจะไปต่อได้ใน step ถัดไป
ฝึกวิเคราะห์เพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดและแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปย่อดูใน time frame ที่เล็กลงเราก็จะเริ่มมองหาค่าจานสร้างคำถามสร้างสมมติฐานความน่าจะเป็นขึ้นมาก่อนเสมอแล้วเราก็มาวางแผนในการเทรดในทำเฟรมที่แคบลงไปอีกว่าเราจะเทรดอย่างไรซึ่งทุกอย่างมันก็แล้วแต่ความถนัดรูปแบบเทคนิควิธีการ indicator ที่ใช้ทุกอย่างมันผสมผสานไปหมดเป็นสารและศีลของตัวเองเลยทั้งหมดที่ได้ศึกษาร่ำเรียนมาจากที่ใดที่หนึ่งแล้วเอามาปรับประยุกต์ใช้หรือไม่หรือว่าจะใช้ตามอาจารย์ที่คุณได้เรียนมาเลยก็แล้วแต่ทุกอย่างมันล้วนแล้วแต่การเลือกเส้นทางของตัวเองครับ
ฝึกวิเคราะห์เพื่อหาจุดเข้าซื้อให้ละเอียดและแม่นยำยิ่งๆขึ้นไปภาพรวมของ btc ก็ต้องมามองภาพใหญ่ก่อนแนวโน้มภาพใหญ่มันก็คือขาขึ้นการที่มันจะขึ้นต่อหรือจะลงต่อในแท่งใหญ่ๆของเดือนนั้นเราไม่สามารถเข้าซื้อได้เลยหากทุนไม่ใหญ่พอฉะนั้นภาพที่เห็นคือภาพรวมใหญ่ก็เพียงแค่นั้นแต่จะให้เราไปเทรดเราต้องย่อลงหาจุดเช่าซื้อที่เล็กกว่าและเก็บกำไรจากการสวิงของแท่งเทียนเท่านั้นซึ่งการสวิงของแท่งเทียนก็จะต้องมีรูปแบบเทคนิค indicator ต่างๆที่เราจะเอาเข้ามาผสมผสานเข้าไปเพื่อทำให้เราหาจุดเช่าซื้อที่แม่นยำในรูปแบบของตัวเราเองโดยการทำสถิติวิธีการเช่าจำนวนครั้ง ครั้งที่แพ้และชนะมาวัดกันแล้วปรับปรุงวิธีจนกว่าจะชนะให้เยอะที่สุดบ่อยครั้งที่สุดจนรู้สึกไม่เครียดไม่เหนื่อยและรู้สึกเทรดยังไงก็รู้สึกชินชาและสามารถสร้าง EA เทรดได้จะสุดยอดมากลองดูแล้วกันครับ
เดี๋ยวย่อดูTFเล็กๆกันต่อ ยังไม่หาจุดเข้า
การเทรด Forex ด้วยกลยุทธ์ Volatility Tradingความหมายของ Volatility
Volatility หรือ "ความผันผวน" คือระดับความแปรปรวนของราคาสินทรัพย์ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยในตลาด Forex นั้น ความผันผวนหมายถึงการที่ราคาคู่เงินมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงในอัตราที่รวดเร็วและรุนแรง ซึ่งถือเป็นดาบสองคม เพราะแม้จะเปิดโอกาสในการทำกำไรมหาศาล แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนได้เช่นกัน
ทำไม Volatility ถึงสำคัญในการเทรด?
โอกาสในการทำกำไรเพิ่มขึ้น – เมื่อตลาดมีความผันผวนสูง เทรดเดอร์สามารถเข้าออกออเดอร์ได้ในช่วงราคาที่กว้างขึ้น สร้างกำไรได้มากขึ้นในเวลาอันสั้น
กลยุทธ์การเทรดบางประเภทต้องการ Volatility – เช่น Breakout Strategy หรือ News Trading ที่ต้องอาศัยการเคลื่อนไหวของราคาอย่างรวดเร็ว
ช่วยบ่งชี้แนวโน้มของตลาด – ความผันผวนที่เพิ่มขึ้นอาจบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มในตลาด
วิธีการเทรดด้วย Volatility
1. Breakout Trading
กลยุทธ์นี้เน้นการเข้าออเดอร์เมื่อราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ พร้อมกับปริมาณความผันผวนที่สูง เพื่อหวังให้ราคาวิ่งต่อไปอย่างรุนแรง
2. Range Trading (เมื่อ Volatility ต่ำ)
เมื่อราคาวิ่งอยู่ในกรอบแคบ ๆ หรือ Sideway การใช้กลยุทธ์ Range Trading เช่น ซื้อบริเวณแนวรับ และขายบริเวณแนวต้าน เป็นวิธีที่เหมาะสม
3. News Trading
ข่าวเศรษฐกิจใหญ่ เช่น Non-Farm Payroll, การประกาศอัตราดอกเบี้ย ฯลฯ มักสร้างความผันผวนมหาศาล หากวางแผนล่วงหน้าได้ดี อาจสร้างผลกำไรได้มากจากการเคลื่อนไหวเหล่านี้
ตัวชี้วัดความผันผวนที่ควรรู้
ATR (Average True Range): ใช้วัดระดับความผันผวนในกรอบเวลาเฉพาะ เช่น ATR สูง = ตลาดผันผวน
Bollinger Bands: แสดงช่วงการเคลื่อนไหวของราคา ยิ่งแคบแปลว่าผันผวนต่ำ ยิ่งกว้างแปลว่าผันผวนสูง
Volatility Index (VIX): ใช้ในตลาดทุน (หุ้น/ดัชนี) แต่สามารถดูแนวโน้มของความกลัวในตลาดรวมได้
ข้อควรระวังในการเทรดตามความผันผวน
อย่าใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสินใจ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดเหวี่ยง
วาง Stop Loss และ Risk Management อย่างรัดกุมเสมอ
หลีกเลี่ยง Overtrade เมื่อเห็นกราฟเคลื่อนไหวแรงเกินไป
ศึกษาพฤติกรรมของตลาดในช่วงเวลาแต่ละวัน เช่น ตลาดยุโรป/อเมริกามักผันผวนกว่าตลาดเอเชีย
สรุป
การเทรดด้วยกลยุทธ์ Volatility Trading เป็นวิธีที่สามารถสร้างกำไรได้อย่างรวดเร็วในตลาด Forex แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงด้วยความเสี่ยงสูง ผู้ที่สนใจจึงควรศึกษาพฤติกรรมของตลาด เข้าใจเครื่องมือวัดความผันผวน และบริหารจัดการความเสี่ยงให้ดี เพื่อเปลี่ยน "ความผันผวน" ให้กลายเป็น "โอกาส" อย่างแท้จริง
VCP ที่ถูกเขย่า อาจเด้งแรงได้นี่เป็นหุ้นที่ผมเพิ่งเข้าซื้อ เป็นหุ้นที่ติดลิสต์การเฝ้าดูมาอย่างยาวนานเพราะมันสร้างฐานราคาแบบ vcp ตอนแรกก็ตั้งระดับเตือนเมื่อราคา break out การบีบตัวแคบที่สุด (1.85)แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์กำแพงภาษีราคาก็ถูกขายอยากตื่นตระหนกให้ร่วงลงอย่างรุนแรง
ซึ่งถ้าไม่มีหุ้นก็ถือว่าเป็นความโชคดี
แล้วจากนั้นเมื่อเห็นราคาพุ่งขึ้นเขียวยาวสวนกลับอย่างรุนแรงผมก็รอเข้าซื้อเมื่อราคามัน break out ระดับที่เคยตั้งเอาไว้ คือ 1.85 แล้ววันนี้ก็พรุ่งต่อไปได้อีกถือว่าประสบความสำเร็จในการเสียเวลาเฝ้าดูและรอจังหวะซื้อที่ดี
บทเรียนที่อยากจะแชร์ คือ
1. หุ้นที่ถูกเทขายลงอย่างรุนแรงเพราะความตกใจถ้าหากมันดีดกลับขึ้นมาใหม่ได้อย่างรุนแรงก็อาจจะมีศักยภาพที่จะพุ่งแรงต่อไปได้อีก
2. เพราะหมายความว่ามันมีคนที่ถือหุ้นตัวนี้น้อยลงซึ่งคนที่เก็บหุ้นในตอนที่ราคาเขย่าแรงก็คือเจ้ามือนั่นเอง
ฝึกอ่านกราฟตัวนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับเพราะย่อมาจากภาพรวมใหญ่ที่วิเคราะห์เอาไว้แค่นั้นเองแล้วก็มาหาจุดเข้าแค่นั้นเองแล้วจุดเข้าเราก็กำหนดขึ้นมาว่าเราจะเข้าแบบใดแล้วแล้วจะต้องใช้สัญญาณอะไรในการเข้าซื้อตามรูปแบบ pattern ที่เราเห็นประจำแค่นั้นเองก็ลองดูแล้วกันครับ
,,,โอเคครับยิ่งย่อยิ่งเห็นการบีบกรอบราคาให้แคบลงเรื่อยๆ
ให้ได้ไม้BUY ที่สูงขึ้น SELL ที่ต่ำลง แล้วเลือกทาง
ไปกินฝั่งใดฝั่งหนึง่ก่อนแล้วจึงลากลงไปกินอีกฝั่งหนึ่งเสมอ
ฝึกอ่านกราฟตัวนี้ไม่มีอะไรมากนะครับไม่ได้ให้ดูแท่งเทียนนะครับให้ดูภาพรวมภาพมันเลยเล็กมากไม่ต้องไปสนใจดูเหตุและผลก่อน
ก็ย่อมาจากทางเฟรมใหญ่ๆนั่นแหละครับที่วิเคราะห์ในภาพรวมใหญ่ไว้นั่นแหละทีนี้อยากจะไม่ให้ดูในไทม์เฟรมที่เล็กลงเอาแค่ h4 อันเดียวก็โอ้โหขึ้นๆลงๆปั่นป่วนไปหมดเห็นด้านซ้ายที่เขียนว่าclean traffic ไหมครับตอนที่เราเห็นภาพใหญ่มันต่อแท่งขึ้นใช่ไหมครับพอมาเห็นภาพเล็กเห็นไหมครับมันขึ้นๆลงๆชวิ่งยึกๆยื่อๆไปเรื่อยๆไอ้นั่นล่ะครับคือจุดเข้าเราจะเข้าแบบไหนแล้วถ้าเอารูปแบบของ indicator มาใช้มันจะเอามาใช้แบบไหนเราก็ต้องหาเหตุหาผลของตัวเองอีเลียยดเวฟนับเป็คลื่นที่เท่าไหร่แล้วในคลื่นใหญ่เป็นคลื่นที่เท่าไหร่ของคลื่นเล็กลง
แล้วเห็นในกรอบด้านขวาสีเขียวไหมครับก่อนที่มันจะบีบราคาให้ได้ราคาที่แย่ลงเรื่อยๆไม่ว่าจะเป็นฝั่งบายและฝั่งเซลล์งั้นใน h4 เขาวิ่งรูปแบบลักษณะใดแท่งเทียนวิ่งแบบใดเราควรจะเข้าด้วยเหตุผลอะไรตรงนั้นแหละครับคือสิ่งที่ทุกคนจะต้องมาหาเหตุและผลของตัวเองขึ้นมาให้ได้จดบันทึกการเทรดของตัวเองออกมาให้ได้ก็คงไม่มีอะไรครับก็มาบอกแค่นี้แหละ ok ครับสวัสดีครับ
ฝึกอ่านกราฟตัวนี้ก็มาลองดูแนวโน้มกราฟเป็นยังไงก็เหมือนเดิมเลยเหมือนกับที่เห็นในภาพอื่นๆมันก็บีบปอบแล้วค่ะให้เราบายที่สูงขึ้นให้เซลล์ที่ต่ำลงเรื่อยๆบีบตัวจนแคบลงเรื่อยๆแล้วก็รอระเบิดเลือกทางแต่พอดีว่าภาพนี้มันเห็นมีความแตกต่างคือมันมีclean trafficอยู่ด้านซ้ายฉะนั้นเป็นไปได้ไหมว่าเขาเคยต่อแท่งขึ้นไปแบบนี้เขาก็ต้องต่อแท่งลงมาก็ได้หรือจะเป็นขั้นบันไดลงมาก็ได้เขาสามารถทำได้หมดจนมาถึงจุดพักฐานจุดนั้นถ้าเขาทะลุต่อเขาก็ลงลงไปต่อถ้าเขาไม่ทะลุเขาก็ต้องทำ side way แล้วเขาก็ต้องสร้างprice actionอะไรบางอย่างไม่ว่าจะเป็นprice action ขาขึ้นหรือขาลงเราเห็นอะไรเราก็เทรดตามนั้นเลยแค่นั้นแหละอันนั้นคือรูปแบบที่ตัวเองเห็นมาตลอดเป็นแบบนี้ส่วนตัวนะครับส่วนใครจะไปคิดแบบใดหารูปแบบใด indicator ใดรูปแบบการสอนจากครูท่านใดที่เคยสอนมาแล้วเอามาจับใช้ปรับประยุกต์ใช้เป็นของตัวเองก็ว่ากันไปตามเทคนิคของตัวเองจุดเข้าแต่ละคนไม่เหมือนกันบางคนบายคนเซลล์ไม่เหมือนกันแต่ที่เหมือนกันคือทุกคนจะโดน SL เหมือนๆกันหมดเพราะทุกคนไม่สามารถมีราคาที่ช้อนทุกราคาได้เหมือนเจ้าตลาดที่เขามีราคาดีกว่าเราทุกๆราคาเขาซื้อเก็บไว้หมดทั้งบนทั้งล่างเขามีแค่หน้าที่ดึงฝั่งใดฝั่งหนึ่งออกแค่นั้นเราก็จะขาดทุนแล้วก็จะกำไรบางคนก็จะกำไรแล้วก็จะกลับมาขาดทุนมันก็จะเป็นแบบนี้เสมอไป
ฝึกอ่านกราฟรูปแบบกราฟมาแบบเดิมๆตามจุดนัดหมายเราเลยเสมอมันแปลกตรงที่ว่าเราซื้อหวยไม่เคยถูกสักทีแบบเดียวกันเหมือนกันถ้าเรารู้แล้วว่ากราฟมันเป็นแบบไหนแต่พอเราเข้าซื้อจริงๆเราก็จะแพ้ตลาดเหมือนกันเพราะว่าจิตใจของเรามันยังไม่มั่นคงความมั่นใจเชื่อมั่นในระบบเรามันยังไม่มั่นคงเราก็ไม่สามารถจะชนะตลาดได้ฉะนั้นเราก็ต้องฝึกเหมือนเดิมครับอย่างที่บอกภาพที่เห็นก็คือภาพเดิมๆที่วิเคราะห์มาแบบเดิมๆแต่ก่อนที่จะได้มาเป็นแนวทางหรือรูปแบบของตัวเองนั้นก็สะเปะสะปะมาก่อนถ้าหากใครได้มาเห็นในคลิปตัวนี้ก็ลองไปย้อนดูภาพเก่าๆที่เคยวิเคราะห์วิเคราะห์มั่วไปหมดเอาอันนู้นอันนี้มาใส่ไปหมดวิเคราะห์ไปเรื่อยเพราะว่าเราฝึกเราก็ต้องการความคมของระบบของเราจนเราจะต้องแตกหน่อความคิดและประมวลผลตกผลึกเป็นแนวคิดของเราให้สำเร็จให้ได้ก็ไม่มีอะไรเขียนภาพนี้ให้ดูแล้วไปลองหารูปแบบของตัวเองดูว่าจะเก็บแบบไหนนะครับ
คาดหวังว่าจะเป็นการลงแท่งสุดท้ายถือเป็นการเปิด gap ลงที่รุนแรงมาก อารมณ์ประมาณ "กดให้หมดใจ" กดไม่ให้ขึ้น กดแช่ให้ลงต่อ จนอึดอัดทนพิษบาดแผลไม่ไหว ต้อง "คายออก"
ถ้าเป็นไปตามข้อสังเกตนี้อาจจะเป็นสถานการณ์ที่ดี ที่หมายความว่านี่จะเป็นการลงครั้งสุดท้ายของตลาดหุ้นไทยก็ได้
แต่ถึงกระนั้น นี่เป็นเพียงแค่ความเห็นเท่านั้น
มันอาจจะลงต่อเพราะตลาดหุ้นอเมริกามันลงต่อ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ราคาที่เราคิดว่ามันต่ำแล้วสามารถลงต่ำกว่านี้ได้อีก
ดังนั้นให้ความเสี่ยงมาก่อนเสมอ อย่าปล่อยให้พอร์ตของคุณ ขาดทุนหนักเกิน 10%
ช่วงนี้ถ้าใครไม่ขาดทุนเลยถือว่า "โคตรเก่ง"
ถ้าคุณขาดทุนไม่เกิน 10% ถือว่า "เก่งไม่ใช่เล่น"
เป็นหุ้นที่ทะลุ vcp แล้วยืนได้แข็งแกร่งที่สุดขณะนี้ช่วงนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วงแรงมาก ส่งผลให้เกิดการขายหุ้นหนีตายกันทั้งกระดาน ร่วงเรียบไม่ว่าจะเป็นหุ้นเติบโต หุ้นพื้นฐานดี gap down ลงสิ้นสภาพ
แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีหุ้นบางตัวที่ยืนได้ดี เช่นตัวนี้ มันทะลุ vcp ได้ แล้วยืนได้แกร่งมาก
อาจเป็นเพราะ ไม่มีเจ้ามือ ไม่มีสถาบันถือ จึงยังยืนได้ดี
ก็น่าสนใจว่าจะ ไปต่อได้อีกหรือไม่
ฝึกอ่นกราฟวันนี้ไม่มีอะไรมากเอากราฟที่วิเคราะห์เมื่อวานมาสรุปผลทุกครั้งเท่านั้นเองครับเป็นบันทึกการเทรดของผมเท่านั้นครับ เพียงอยากบอกเท่านั้นว่าเราควรทำบันทึกการเทรดของเราเสมอนะครับสร้างรูปแบบการเทรดของเรานะครับ มันจะลดเวลาการศึกษาลง มีเป้าหมายการฝึกไม่สะเปะสะปะนะครับ
ครับจากภาพในขณะนี้กราฟบีบกรอบราคาแคบลงเรื่อยๆให้เราได้buyที่สูงขึ้นให้sellที่ต่ำลงเรื่อยๆแล้วก็จะทะลุฝั่งใดฝั่งหนึ่งให้ฝั่งใดฝั่งหนึ่งขาดทุนแล้วอีกฝั่งก็กำไร แต่หากฝั่งกำไรไม่ปิดก็จะถูกย้อนกลับไปให้ขาดทุน ฉะนั้นไม่ว่าจะฝั่งใดก็ตามตั้งslไม่ถูก และจุดเข้าไม่คมอย่าไรกราฟก็จะวิ่งไปชนslของเราแล้วดีดกลับทำให้เราเจ็บชำน้ำใจเล่นๆเสมอ
ฉะนั้นนะครับส่วนตัวจะต้องฝึกอย่างเดียวกับโจทย์ที่ตั้งไว้เสมอคือเราต้องหาจุดเข้าที่แม่นยำที่สุดslต้องแคบสุดเท่านั้นจึงจะสำเร็จ
หากใครเพิ่งเห็นการฝึกวิเคราะห์นี้แล้วสงสัยว่าทำไมถึงคิดแบบนี้นะครับ บอกได้คำเดียวว่าเป็นรูปแบบเดิมๆที่ผมเห็นมาตลอดแบบนี้และผมก็วิเคราะห์แบบนี้กับทุกอย่างบนโลกนี้ที่เป็นกราฟนะครับ ลองไปไล่อ่านๆดูนะครับ
ก่อนหน้านี้เมื่อหลายปีก่อนคุณลองไปไล่อ่านของผมดูมันก็สะเปะสะปะไปหมดแหละครับเอาอีเลียตเว ฟิโบ bb macd มูฟวิ่งเอเวอเลจ อะไรที่ใครพูดว่าดีเอามาทดลองหมดสุดท้ายก็งงเองและต้องกลับมาตั้งสติใหม่กี่ครั้งนับไม่ได้ท้อกี่ครั้งจนอยากจะเลิกจนนับไม่ได้แล้ว อยู่กับครอบครัวแต่แทบไม่คุยกับเงยหน้าออกจากจอก็หน้ามุ่ยมองหน้าครอบครัวจะทะเลาะกันไม่มีอะไรดีสักอย่าง จนสุดท้ายก็จดคำถามลงสมุดว่าตัวเองใหม่ว่าเราทำสิ่งนี้เพื่ออะไร เรารู้เรื่องนี้มากแค่ไหน เราจะเอาอะไรมาวิเคราะห์ เราจะเพิ่มอะไรในการวิเคราะห์ที่จะตอบสนองรูปแบบการเทรดของเรา และอะไรอีกมากมาย จดลงสมุดให้หมด มันไม่มีทางหมดหรอกนึกได้วันไหนข้อสองข้องจดให้หมด และทุกคำถามเราต้องหาคำตอบให้ตัวเราเองด้วยและแต่ล่ะข้อต้องเป็นคำตอบที่ครบถ้วนในคำถามจึกจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องของคำถามนั้นๆ
สรุป ของผมก็ทำเพื่อความรัก รักครอบครัว วิเคราะห์กราฟแบบกราฟเปล่าสั้นๆประมาณนั้นจริงมันยาวกว่านั้นคงไม่เขียนมาให้อ่านหรอกมันยาวเกินไป
สรุปไปหาคำตอบให้กับตัวเองแล้วกันนะครับ
เปรียบเทียบ ทฤษฎี Wyckoff Accumulation Schematic เปรียบเทียบ ทฤษฎี Wyckoff Accumulation Schematic #1 กับ กราฟ BTC/USDT บน Timeframe 4H
ผมขอวิเคราะห์ให้แบบละเอียดด้านล่างเลยครับ:
🔍 Step-by-Step เทียบกับ Wyckoff Accumulation
✅ Phase A – Stopping the Downtrend
✅ มีการลงแรงอย่างชัดเจนก่อนหน้า (Preliminary Support – PS, Selling Climax – SC)
✅ มีการดีดตัวขึ้นแรงหลังลง (Automatic Rally – AR)
✅ และมีการย่อกลับลงมาอีกครั้งแบบไม่หลุดจุดต่ำสุดเดิม (Secondary Test – ST)
ในกราฟ BTC เห็นชัดเจนว่าช่วงประมาณ 23 มี.ค. – 27 มี.ค. มีรูปแบบนี้เกิดขึ้นครบ
✅ Phase B – Building a Cause
✅ กราฟเริ่มแกว่งตัวในกรอบ Sideways โดยมีความผันผวนสูง
✅ มีหลายครั้งที่ราคาทดสอบแนวรับ-แนวต้านซ้ำ
ช่วงนี้กินเวลาตั้งแต่ ประมาณ 27 มี.ค. – 15 เม.ย. เป็นการสะสมพลังตามหลัก Wyckoff
✅ Phase C – Spring และ Test
✅ มีจังหวะที่ราคาหลุดแนวรับช่วงสั้นๆ แล้วดีดกลับแรง (Spring)
✅ ตามมาด้วยการเทสซ้ำในกรอบเดิม (Test)
ในกราฟดูเหมือนเกิด Spring ประมาณ 18 เม.ย. ซึ่งหลุดกรอบแล้วเด้งกลับทันที (ลักษณะพฤติกรรมของแรงซื้อเข้าทันที)
✅ Phase D – Markup เริ่มต้น
✅ ราคาทะลุกรอบบน (Resistance) แบบมี Volume (Sign of Strength – SOS)
✅ ตามมาด้วยการย่อลงทดสอบ (Last Point of Support – LPS)
ประมาณช่วง 21 เม.ย. – 28 เม.ย. BTC ขึ้นแรง ทะลุแนวต้าน และย่อเบาๆ ก่อนจะเริ่มแกว่งตัวบนกรอบใหม่
❓ Phase E – Trend ใหม่เริ่มต้น
⚠️ ตอนนี้กราฟยังอยู่ในช่วงปลาย Phase D → ยังไม่ยืนยันการเริ่มต้นเทรนด์ใหม่อย่างชัดเจน (Phase E)
ต้องรอราคายืนเหนือแนวต้านได้อย่างมั่นคงและมี Volume สนับสนุนอีกหน่อย
🔮 สรุปภาพรวม
✅ กราฟ BTC/USDT ปัจจุบันตรงกับ Wyckoff Accumulation Schematic ค่อนข้างแม่นยำ
ผ่าน Phase A → C อย่างครบถ้วน
กำลังเข้าสู่ปลาย Phase D
ถ้าราคายืนเหนือแนวต้านได้และมี Breakout → Phase E อาจเกิดขึ้นต่อไป
🎯 แนวทางสำหรับเทรดเดอร์
รอดู LPS หรือ BU/LPS ล่าสุด ว่าจะรับอยู่ไหม
ถ้าราคาเบรก High เดิมใน Phase D (บริเวณ ~88K-90K) = สัญญาณเปิด Long เพิ่ม
Stop Loss ควรอยู่ใต้ LPS (ประมาณ ~80K)
เปรียบเทียบ 2 กรณีจากกราฟ BTC ตอนนี้ ที่ดูเหมือนจะอยู่ในช่วงปลาย Phase D ของ Wyckoff Accumulation ซึ่งกำลังใกล้จุดตัดสินใจ ว่าจะไป Phase E (ขาขึ้น) หรือ Fail (ลงซ้ำ)
📈 กรณีที่ 1: ไปต่อ Phase E – เข้าขาขึ้นเต็มตัว
🔹 สัญญาณที่จะยืนยัน:
ราคายืนเหนือแนวต้านเดิมได้ (เช่น FWB:88K –$90K)
มี Volume สนับสนุนขาขึ้น (SOS)
การย่อตัวหลังจากเบรกเป็นเพียงการทดสอบแนวรับใหม่ (BU/LPS)
🔮 คาดการณ์ล่วงหน้า:
เป้าหมายแรกอาจไปทดสอบ High เดิมช่วง $94K– GETTEX:98K
ถ้าแรงดี อาจเห็นราคาทะลุ $100K ในรอบถัดไป
ลักษณะการเคลื่อนไหวจะ “ขึ้น–พัก–ขึ้น” แบบแข็งแรง
✅ กลยุทธ์:
ซื้อเพิ่มเมื่อราคาเบรกแนวต้านสำเร็จ + ย่อมาเทสต์ไม่หลุดแนวรับใหม่
ใช้ Trailing Stop เพื่อรักษากำไรในขาขึ้น
📉 กรณีที่ 2: Fail ขึ้นจริง – กลับตัวลงซ้ำ (Fail of Accumulation)
🔹 สัญญาณที่จะยืนยัน:
ราคาย่อตัวหลุดแนวรับของ LPS หรือ BU/LPS (~$80K)
เกิดการ “Breakdown” พร้อม Volume ขายหนาแน่น
พฤติกรรมเปลี่ยนจากการสะสมเป็น Distribution
🔮 คาดการณ์ล่วงหน้า:
ราคาจะลงกลับไปทดสอบแนวรับเดิมบริเวณ $76K หรือแม้แต่ต่ำกว่า Spring ที่ ~$72K
อาจเข้าสู่ Wyckoff Distribution หรือ Re-Accumulation ใหม่อีกที
⚠️ กลยุทธ์:
Cut loss หากหลุดแนวรับ LPS
หากหลุดแบบมี Volume หนัก = อาจมีโอกาส Short ระยะสั้น
หลีกเลี่ยงการ Buy-the-dip ถ้าไม่มีพฤติกรรม Spring ใหม่ที่ชัดเจน
📌 สรุปเบื้องต้น (ณ 5เม.ย. 2025)
กรณี ความเป็นไปได้ แนวทาง
Phase E (ขึ้นต่อ) ✅ 60% เฝ้ารอสัญญาณเบรก + เทสต์แนวต้าน
Fail / ลงต่อ ⚠️ 40% เฝ้าแนวรับ ~$80K ถ้าหลุดให้ระวัง
ช่วยกดติดตามด้วยนะ ผมจะมาวิเคราห์กราฟ ด้วยระบบSMC
#smcลึกแต่เข้าใจง่าย #เทรดแบบไม่โดนแดก #oakmastertrader #บันทึกเทรดน้า
Pyramiding ในการเทรด Forex: กลยุทธ์เพิ่มกำไรแบบเป็นระบบPyramiding คืออะไร?
Pyramiding เป็นกลยุทธ์การเพิ่มขนาดของตำแหน่ง (Position) ในขณะที่ตลาดเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่เป็นกำไร โดยไม่เพิ่มความเสี่ยงมากเกินไป หลักการของ Pyramiding คือการใช้กำไรที่ได้รับจากออเดอร์เดิมมาสร้างออเดอร์ใหม่ ทำให้สามารถขยายขนาดของการเทรดได้โดยไม่ต้องเพิ่มความเสี่ยงของบัญชีมากนัก
หลักการของ Pyramiding
1.เริ่มต้นด้วยขนาดที่เหมาะสม: เทรดเดอร์จะเปิดออเดอร์แรกด้วยขนาดที่คำนวณจากการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
2.เพิ่มออเดอร์เมื่อราคาเคลื่อนที่ไปในทางที่ถูกต้อง: เมื่อราคาวิ่งไปในทิศทางที่ทำให้เกิดกำไร จะมีการเปิดออเดอร์ใหม่ที่ระดับราคาที่สูงขึ้น (ในเทรดขาขึ้น) หรือระดับราคาที่ต่ำลง (ในเทรดขาลง)
3.ใช้กำไรเพื่อเพิ่มขนาดการเทรด: กำไรที่เกิดขึ้นจากออเดอร์แรกสามารถนำมาใช้เป็นหลักประกันสำหรับออเดอร์ใหม่ได้
4.กำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) อย่างรัดกุม: ควรตั้ง Stop Loss ของทุกออเดอร์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยง หากราคาย้อนกลับไปผิดทางจะเสียเพียงส่วนหนึ่งของกำไร ไม่ใช่ขาดทุนทั้งบัญชี
ตัวอย่างการใช้ Pyramiding
สมมติว่าเทรดเดอร์กำลังเทรดคู่เงิน XAUUSD (ทองคำ) ในขาขึ้น และใช้ Pyramiding:
เปิดออเดอร์แรกที่ราคา 2,000 USD/oz ด้วยขนาด 1 ล็อต
เมื่อราคาขยับขึ้นไปที่ 2,020 USD/oz และมีการยืนยันแนวโน้ม เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ที่สอง 0.5 ล็อต
ถ้าราคาขึ้นไปที่ 2,040 USD/oz เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ที่สาม 0.25 ล็อต
Stop Loss ของออเดอร์แรกถูกเลื่อนขึ้นมาตามแนวรับใหม่ เพื่อล็อกกำไร
ข้อดีของ Pyramiding
✅ เพิ่มกำไรแบบทบต้น: สามารถใช้ประโยชน์จากแนวโน้มที่แข็งแกร่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ลดความเสี่ยงเมื่อเทียบกับการเพิ่มล็อตทีเดียว: การแบ่งไม้เข้าเพิ่มช่วยให้สามารถจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น ✅ เหมาะกับแนวโน้มที่แข็งแกร่ง: ใช้ได้ดีเมื่อมีเทรนด์ชัดเจน เช่น ในข่าวใหญ่หรือช่วงตลาดมีโมเมนตัมสูง
ข้อควรระวัง
⚠️ ต้องตั้ง Stop Loss อย่างเหมาะสม: หลีกเลี่ยงการเพิ่มออเดอร์โดยไม่วางแผนการออกจากตลาด ⚠️ ไม่ควรใช้ในตลาดไซด์เวย์: Pyramiding เหมาะกับตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน ถ้าใช้ในตลาดไซด์เวย์อาจทำให้ติดดอยหรือติดดอยหนัก ⚠️ ควรใช้การบริหารความเสี่ยงเสมอ: อย่าพยายามใช้ Pyramiding กับ Leverage สูงเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดความเสี่ยงสูง
สรุป
Pyramiding เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มกำไรจากการเทรด Forex โดยอาศัยแนวโน้มที่แข็งแกร่งของตลาด อย่างไรก็ตาม ควรใช้ร่วมกับการบริหารความเสี่ยงที่ดี ตั้ง Stop Loss อย่างเหมาะสม และเลือกใช้ในสภาวะตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ฝึกอ่านกราฟเช็คแผนอีกสักหน่อยสำหรับณขณะนี้ยิ่งลงขนาดนี้ก็ไม่ต้องไปสนใจยิ่งย่อยิ่งบายมุมมองคาดหวังการปรับตัวขึ้นเราก็ต้องมองบายไว้แต่ถ้าจะ follow sale ก็ทำได้ก็หาจังหวะเข้าเซลล์ได้เช่นกันฉะนั้นณขณะนี้เขาลงมามีตัวช่วยอยู่ข้างล่างที่ทำเอาไว้ในแผนนี้ก็จะมองว่าถ้าเกิดสร้างPA ขาขึ้นได้ก็จะบายขึ้นไปก่อนแล้วค่อยหาจังหวะเซลล์ใหม่อีกครั้งหนึ่งตามรอยต่อแท่งต่อแท่งคู่ปลายไส้ก็ว่ากันไปณขณะนี้ครับต่อแท่งลงมา 4 ชั่วโมงติดกันแล้วในทางเฟรม h1 ก็คาดหวังที่จะสวนเทรนขึ้นไปฉะนั้นส่วนตัวก็จะมองหาจุดกลับตัวก่อนแล้วก็บายสวนขึ้นไปก่อน
จากการที่ลองสังเกตกราฟมาสักระยะหนึ่งครับชอบย่อตัวหลอกล่อให้เราตกใจสุดท้ายมันก็ยกตัวขึ้นไปตามเทรนด์ขาขึ้นเหมือนเดิมส่วนถ้ามันจะลงมันก็จะต้องมีการทำเบรคเอาขาลงให้ได้สำเร็จก็คือจุดที่พักตัวก็คือลักษณะของ qm ทะลุจุดพักตัวได้อันนั้นแหละคือเราจะต้องมองการปรับตัวเป็นขาลงแล้วแต่ณขณะนี้ผมมองว่ามันเป็นการย่อก็ขึ้นต่อไปอยู่ต้องรอลุ้นวันจันทร์อังคารหรือสัปดาห์หน้าให้เขาฟอร์มตัวใหม่อีกครั้งนึงในไทม์เฟรมดี 1